วันอังคารที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2552

อาหารประเภทยำ

ขนมไทย

ขนมไทย เป็นของหวานที่ทำและรับประทานกันในอาณาจักรไทย มีเอกลักษณ์ด้านวัฒนธรรมประจำชาติไทยคือ มีความละเอียดอ่อนประณีตในการเลือกสรรวัตถุดิบ วิธีการทำ ที่พิถีพิถัน รสชาติอร่อยหอมหวาน สีสันสวยงาม รูปลักษณ์ชวนรับประทาน ตลอดจนกรรมวิธีการรับประทานที่ปราณีตบรรจงของขนมแต่ละชนิด ซึ่งยังแตกต่างกันไปตามลักษณะของขนมชนิดนั้นๆ

ขนมต้ม

ส่วนผสม
แป้งท้าวยายม่อม 1 ช้อนโต๊ะ

น้ำเปล่า 2 ช้อนโต๊ะ

แป้งข้าวเหนียว 1 ถ้วยตวง

น้ำ 1/2 ถ้วยตวง

มะพร้าวทึนทึกขูดฝอย 1 1/2 ถ้วยตวง

น้ำตาลปีบ 1 ถ้วยตวง

เกลือป่น 1/4 ช้อนชา

มะพร้าวขูดเป็นเส้น 2 ถ้วยตวง

วิธีทำ

-ผสมแป้งท้าวยายม่อมแป้งข้าวเหนียวเข้าด้วยกันค่อยๆ เติมน้ำเปล่าทีละน้อย นวดจนแป้งนุ่มปั้นเป็นก้อนกลม ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 2 ซ.ม.
-ผสมน้ำตาลปีบฝอยน้ำเป่า 2 ช้อนโต๊ะ ในกระทะทองตั้งไฟกวนให้เหนียวสำหรับเป็นไส้ แล้วปั้นเป็นก้อนกลม
-แผ่แป้งที่ปั้นไว้เป็ยแผ่นแบนวางไส้ลงตรงกลางแล้วหุ้มไส้ให้มิด
-ใส่น้ำในหม้อตั้งไฟให้เดือด ใส่ขนมต้มลง เมื่อขนมสุกลอยตัวขึ้นตักขนมใส่น้ำเย็นแล้วสะบัดให้ สะเด็ดน้ำ
-มะพร้าวผสมเกลือป่นคลุกเคล้าให้เข้ากันแล้วใส่ขนมคลุกลงกับมะพร้าวให้ทั้วจัดใส่จาน

การส่งเสริมการขาย

ลักษณะธุรกิจ
ร้านที่ขายอาหารข้าวราดแกง และอาหารตามสั่ง โดยจำหน่ายอาหารและ เครื่องดื่ม ในลักษณะให้บริการที่ร้าน และ ปรุงสำเร็จนำกลับไปรับประทานที่บ้าน


วิธีการจัดตั้งและเริ่มต้นธุรกิจการจดทะเบียนพาณิชย์

ประเภทบุคคลธรรมดา
มีลักษณะเป็นกิจการที่มีเจ้าของเป็นบุคคลธรรมดา คนเดียวหรือหลายคน หรือห้างหุ้นส่วนสามัญ ประเภทไม่จดทะเบียนผู้ประกอบธุรกิจร้านอาหารประเภทบุคคลธรรมดา ต้องจดทะเบียนพาณิชย์สถานที่ยื่นขอจดทะเบียน
กรุงเทพฯ ยื่นขอจดทะเบียน ณ สำนักงานบริการการจดทะเบียนธุรกิจ 1-7 สำนักทะเบียนธุรกิจ และส่วนจดทะเบียนธุรกิจกลาง
กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์

ต่างจังหวัด ยื่นขอจดทะเบียน ณ ที่ว่าการอำเภอ/กิ่งอำเภอที่ตั้งสถานประกอบการ ยกเว้นอำเภอเมือง หรือ อำเภอที่มีการกำหนด
ให้ยื่น ณ สำนักงานพัฒนาธุรกิจการค้าจังหวัดที่ตั้งสถานประกอบการ


ประเภทนิติบุคคล
ผู้ประกอบการธุรกิจต้องจดทะเบียนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ สถานที่ยื่นขอจดทะเบียน
กรุงเทพฯ ยื่นขอจดทะเบียน ณ สำนักงานบริการจดทะเบียนธุรกิจ 1 – 7 และส่งจดทะเบียนธุรกิจกลาง สำนักทะเบียนธุรกิจ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์

ต่างจังหวัด ยื่นขอจดทะเบียน ณ สำนักงานพัฒนาธุรกิจการค้าจังหวัด ที่ห้างหุ้นส่วนบริษัทมี สำนักงานแห่งใหญ่ตั้งอยู่

ภาษีเงินได้

บุคคลธรรมดา
ต้องยื่นขอเป็นผู้มีบัตรประจำตัวผู้เสียภาษีอากรต่อ สรรพากรพื้นที่ ที่ตั้งของสถานประกอบกา
- ต้องยื่นแบบแสดงรายการชำระภาษี เงินได้บุคคลธรรมดาประจำปีและครึ่งปี (ภ.ง.ด.90 และ 94)
- หากมีรายได้เกิน 1,200,000 ต่อปี ต้องยื่นชำระภาษีมูลค่าเพิ่มตามแบบ ภ.พ. 30

นิติบุคคล
ต้องยื่นขอเป็นผู้มีบัตรประจำตัวผู้เสียภาษีอากรต่อ สรรพากรพื้นที่ ที่ตั้งของสถานประกอบการ
- ต้องยื่นภาษีเงินได้นิติบุคคล ประจำปี และ ครึ่งปี (ภ.ง.ด.50 และ 51)
- หากมีรายได้เกิน 1,200,000 ต่อปี ต้องยื่นชำระภาษีมูลค่าเพิ่มตามแบบ ภ.พ. 30

กฎหมายและระเบียบเฉพาะธุรกิจ

ใบอนุญาตประกอบกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ
ธุรกิจร้านอาหาร เป็นกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพตามกฎหมายว่าด้วยการสาธารณสุข ต้องขออนุญาตประกอบกิจการก่อนดำเนินการสถานที่ขออนุญาต
กรุงเทพฯ ยื่นขอ ณ สำนักงานเขตที่ตั้งสถานประกอบการ
ต่างจังหวัด ยื่นขอ ณ สำนักงานเทศบาล หรือ สำนักงานสุขาภิบาล หรือ องค์การบริหารส่วนตำบล ซึ่งดูแลเขตพื้นที่ที่ตั้งสถานประกอบการ
ค่าธรรมเนียม ไม่เกิน 10,000 บาท

การปิดป้ายแสดงราคาค่าบริการ
คณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ กระทรวงพาณิชย์ ได้ออกประกาศกำหนดให้ผู้จำหน่ายปลีกอาหารและเครื่องดื่ม ต้องปิดป้ายแสดงราคาค่าบริการให้เห็นชัดเจนในที่เปิดเผย ณ สถานที่จำหน่าย การฝ่าฝืนมีโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท

ใบอนุญาตจำหน่าย สุรา และยาสูบ
ผู้จำหน่ายสุรา และหรือ ยาสูบ ต้องเป็นผู้ได้รับอนุญาตให้จำหน่าย
สถานที่ขออนุญาต
กรุงเทพฯ ยื่นขอ ณ กรมสรรพสามิต กระทรวงการคลัง
ต่างจังหวัด ยื่นขอ ณ สำนักงานสรรพสามิตอำเภอ/กิ่งอำเภอ ที่สถานประกอบการตั้งอยู่ค่าธรรมเนียม
สุรา ฉบับละ 110 – 1,650 บาท /ปี , ยาสูบ ฉบับละ 20 บาท/ปี
นอกจากนี้ยังมีกฎและระเบียบด้านสาธารณสุข สิ่งแวดล้อม สวัสดิการและการคุ้มครองแรงงานที่ต้องถือปฏิบัติ

รายละเอียดการลงทุน

ค่าใช้จ่ายสำหรับการลงทุนเริ่มต้น
จะแตกต่างกันตามขนาดและลักษณะของกิจการจากข้อมูลเฉลี่ยของการสำรวจการลงทุนเริ่มต้นของผู้ประกอบธุรกิจ จำแนกเป็น
- ตกแต่งอาคาร เฟอร์นิเจอร์และเครื่องใช้สำนักงาน อัตราส่วนร้อยละ 14
- เครื่องมือและอุปกรณ์ในธุรกิจภัตตาคารและร้านอาหาร อัตราส่วนร้อยละ 10 ประกอบด้วย ตู้เย็น ตู้แช่ เตาแก๊ส กระทะ หม้อ จาน ช้อน ซ่อม แก้ว และเครื่องครัวต่างๆ
- เงินทุนหมุนเวียน อัตราส่วนร้อยละ 76 ส่วนใหญ่เป็นค่าใช้จ่ายในการซื้อวัสดุสำหรับบริการลูกค้า เงินเดือนพนักงาน ค่าน้ำประปา ไฟฟ้า เป็นต้น

อัตราผลตอบแทนทางการเงิน
อัตราผลตอบแทนทางการเงินของธุรกิจภัตตาคาร/ร้านอาหารจะแตกต่างกันขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น ขนาดของกิจการ ทำเลที่ตั้ง และความสามารถในการบริหารธุรกิจเป็นต้น จากการสำรวจพบว่า อัตรากำไรสุทธิต่อยอดรายรับจะประมาณร้อยละ 15.17 กำไรสุทธิต่อเงินลงทุนประมาณ ร้อยละ 39.22 ต่อปี โดยมีระยะเวลาคืนทุนประมาณ 1.8 ปี

การตั้งราคาและโครงสร้างราคาที่เป็นธรรม
ปัจจัยการตั้งราคา
ประกอบด้วย
- ต้นทุน
- ทำเลที่ตั้ง
- ค่าบริการของภัตตาคารและร้านอาหารในระดับเดียวกันในท้องตลาด

โครงสร้างราคา
คำนวณโดย ต้นทุน บวกกับ กำไรที่ต้องการ
ต้นทุนประกอบด้วย
- ต้นทุนผันแปร เช่น วัตถุดิบที่ใช้ทำอาหาร เช่น เนื้อสัตว์ ผักต่างๆ เป็นต้น
- ต้นทุนคงที่จัดสรร เช่น ค่าเช่า เงินเดือนพนักงาน ค่าน้ำประปา ค่าไฟฟ้า และค่าเสื่อมราคาสิ่งปลูกสร้าง เครื่องมืออุปกรณ์

การบริหาร/การจัดการ

โครงสร้างองค์กร
ประกอบด้วยงานหลักดังนี้
1. ด้านการบริหาร รับผิดชอบด้านการเงิน บัญชี จัดซื้อ บุคคล ธุรการ ดูแลความสะอาดของร้าน ต้อนรับลูกค้า และบริหารงานทั่วไป
2. ด้านการปรุงอาหาร มีหน้าที่เตรียมวัตถุดิบ ปรุงอาหารสำเร็จ หรือปรุงอาหารตามที่ลูกค้าสั่ง รวมถึงการดูแลรักษาความสะอาด เครื่องมือและอุปกรณ์ในการปรุงอาหาร เช่น จาน ชาม ช้อน ช้อนส้อม มีด และเครื่องมืออุปกรณ์ในครัว เพื่อให้สะอาด และพร้อมสำหรับการใช้งาน รวมถึงการดูแลรักษาความสะอาดในส่วนที่ใช้บริการลูกค้า เช่น จาน ชาม ช้อน ซ่อม รวมถึงเครื่องปรุงรสอาหาร
3. ด้านการให้บริการลูกค้า มีหน้าที่ความรับผิดชอบในการต้อนรับลูกค้า รับคำสั่งรายการอาหารและเครื่องดื่ม เสิร์ฟอาหาร เก็บเงิน และอำนวยความสะดวกอื่นๆแก่ลูก

วิเคราะห์ข้อดี ข้อด้อย โอกาส และอุปสรรค
ข้อดี
1. เป็นธุรกิจที่ไม่ซับซ้อน เน้นในด้านความรู้หรือประสบการณ์
2. ใช้เงินลงทุนไม่สูง ให้ผลตอบแทนดี
3. แรงงานอื่นๆ (ยกเว้นแม่ครัว)หาได้ง่าย

ข้อด้อย
1. แม่ครัวฝีมือดีหายาก เข้าออกบ่อย
2. ต้องการทำเลที่ตั้งที่ดี ซึ่งหายาก และค่าเช่าสูง

โอกาส
1. คนไทยนิยมบริโภคนอกบ้านมากขึ้น และนิยมซื้ออาหารจากภายนอกมาบริโภคในบ้าน แทนการปรุงอาหารเอง
2. คนไทยตื่นตัวในด้านสุขภาพมากขึ้น ทำให้เลือกบริโภคอาหารที่สะอาดถูกสุขลักษณะ จึงเป็นโอกาสสำหรับร้านอาหารที่ถูกสุขลักษณะ
3. ร้านอาหารมีหลากหลายประเภท สามารถเลือกประเภทที่ถนัด หรือประเภทที่ยังไม่มี ในย่านที่ต้องการเปิดร้านอาหาร
4. มีทำเลที่ตั้งร้านและมีอาคารสิ่งปลูกสร้างอีกจำนวนมากที่สามารถเช่ามาดำเนินธุรกิจภัตตาคาร/ร้านอาหาร
5. มีแหล่งให้เรียนรู้ด้านการปรุงอาหารจำนวนมาก

อุปสรรค
1. มีผู้ประกอบธุรกิจร้านอาหารจำนวนมาก การแข่งขันสูง
2. ต้นทุนค่าวัสดุในการปรุงอาหารสูงขึ้น



ข้อเสนอแนะ
ด้านการบริหารจัดการ
1. ต้องมีความรู้พื้นฐานในธุรกิจให้บริการของตนเอง และติดตามความเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
2. ต้องมีความเป็นผู้นำและพื้นฐานความรู้ด้านการบริหารจัดการ
3. ส่งเสริมและให้โอกาสพนักงานเข้ามามีส่วนร่วมในธุรกิจในลักษณะแบ่งปันผลประโยชน์จากรายได้
4. ให้ความสำคัญกับการสรรหาและฝึกอบรมพัฒนาบุคลากร
5. ให้ผลตอบแทนและสิ่งจูงใจที่เหมาะสมเพื่อให้แรงกระตุ้นในการปฏิบัติงานของพนักงาน
6. ให้พนักงานมีส่วนร่วมในการบริหารหรือเสนอความคิดเห็น มีความรักและภักดีต่อองค์กร
7. ดำเนินการให้ถูกต้องต่อกฎหมายและระเบียบข้อบังคับ
8. จัดทำแผนธุรกิจที่เหมาะสม ทั้งภายในและภายนอกองค์กร
9. ต้องให้ความสำคัญและเวลากับการบริหารอย่างใกล้ชิด

ด้านการตลาด
การบริการ
1.ให้บริการที่ดีและเป็นกันเองกับผู้มาใช้บริการ
2.สร้างตราหรือเครื่องหมายเพื่อให้ลูกค้าระลึกถึงและจดจำได้ง่าย
3.สร้างมาตรฐานด้านการให้บริการและอัตราค่าบริการ
4.ให้บริการที่รวดเร็วแก่ผู้มาใช้บริการ
5. เสนอบริการรูปแบบอาหารใหม่ๆที่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้ใช้บริการได้ดีขึ้น
6. เสนอรูปแบบบริการใหม่ๆ เช่น การส่งอาหารถึงบ้านและสำนักงาน เป็นต้น

สถานที่ให้บริการ
1.ใช้เครื่องมืออุปกรณ์ที่ทันสมัย, สะอาด และอยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน
2. เลือกทำเลที่ตั้งให้เหมาะสม สะดวกต่อการติดต่อ เดินทางสะดวก


1.ทำป้ายโฆษณาหน้าสถานบริการให้สะดุดตา
2. ลงโฆษณาในสื่อที่สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายด้วยต้นทุนที่ต่ำ
3.ทำโบว์ชัว แผ่นพับ แนะนำบริการ แจกแก่กลุ่มเป้าหมาย

ด้านบัญชีและการเงิน
1.ไม่สร้างภาระค่าใช้จ่ายประจำมากเกินไป
2.มีโครงสร้างเงินลงทุนที่เหมาะสม ไม่ก่อภาระหนี้มากเกินไป
3.บริหารการเงินอย่างเหมาะสมให้ธุรกิจมีสภาพคล่องทางการเงินสูง
4.นำกำไรจากการดำเนินงานเป็นเงินทุนสำรองหรือสำหรับการขยายธุรกิจ
5.แยกบัญชีระหว่างธุรกิจและส่วนตัว
6.ควรจัดทำงบการเงินให้ถูกต้อง
7.นำระบบคอมพิวเตอร์และโปรแกรมสำเร็จรูปทางบัญชีมาช่วยเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและลดค่าใช้จ่ายด้านแรงงาน

7 ขั้นตอนที่ช่วยดึงลูกค้ากลับมา





คุณคงเคยได้ยินคำพูดที่บอกว่า "อย่าทำตัวเป็นคนแปลกหน้าซิ" เนื่องจากผู้พูดต้องการที่จะกระชับความสัมพันธ์กับคุณให้แนบแน่นยิ่งขึ้นกว่าเดิม แต่ถ้าหากเป็นเจ้าของธุรกิจขนาดเล็กแล้ว ลูกค้าที่ย้อนกลับมาซื้อสินค้าหรือบริการซ้ำถือเป็นสิ่งที่มีความสำคัญต่อการอยู่รอดของบริษัทอย่างยิ่ง

เจ้าของกิจการจำเป็นต้องเข้าใจความสำคัญของการสร้างฐานลูกค้าขึ้นมา ลูกค้าเหล่านี้ก็คือคนที่จะย้อนกลับมาหาคุณซ้ำแล้วซ้ำอีก ด้วยเหตุนี้เราจึงได้เตรียมแนวทาง 7 ข้อมาให้คุณลองนำไปปฏิบัติเพื่อดึงดูดให้ลูกค้าย้อนกลับมาหาคุณใหม่

1.ลูกค้าเก่าเสียค่าใช้จ่ายน้อยกว่าลูกค้าใหม่

ผลการศึกษาแสดงให้เห็นว่าการดึงลูกค้าเก่าให้กลับมาเสียค่าใช้จ่ายน้อยกว่าการดึงดูดลุกค้าใหม่ๆ ข้อมูลนี้จัดว่าถูกต้องแล้ว ถ้าหากคุณทบทวนเรื่องของค่าใช้จ่ายในการทำโฆษณา ทำการตลาด การใช้สื่อ และเครื่องมือต่างๆเพื่อดึงดูดลูกค้าใหม่ แถมบ่อยครั้งที่การดึงดูดลูกค้าใหม่ๆยังเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาอีกด้วย

Ed Brennan ผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรของบริษัททำการตลาดและโฆษณาชื่อ Harrison Leifer DiMarco กล่าวว่า "ว่าที่ลูกค้าจะฟังข้อเสนอของคุณก็ต่อเมื่อพวกเขาพร้อมที่จะซื้อหรือเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่างเท่านั้น สิ่งนี้หมายความว่าคุณจำเป็นต้องตามล่าเพื่อค้นหาคนกลุ่มน้อยที่พร้อมจะเปลี่ยนมาใช้บริการของคุณได้"

2.ลูกค้าเก่าคือป้ายโฆษณาเดินได้


ถ้าหากลูกค้าย้อนกลับมาซื้อสินค้าหรือบริการของคุณ มีความเป็นไปได้ค่อนข้างสูงที่ลูกค้ารายนี้พอใจสิ่งที่เขาเห็นในครั้งแรก แถมยังมีโอกาสที่ลูกค้ารายนี้จะบอกต่อๆไปซึ่งเป็นการโฆษณาที่คุณไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายแต่อย่างใดอีกด้วย

Jay Lipe ผู้แต่งหนังสือชื่อ The Marketing Toolkit for Growing Business กล่าวว่า "ผลการสำรวจล่าสุดระบุว่าคนแต่ละคนจะมีแวดวงคนรู้จักประมาณ 50 ถึง 300 คน คุณลองจินตนาการดูเอาเองก็แล้วกันว่าพนักงานขายแต่ละคนใช้เวลานานขนาดไหนกว่าที่จะหาว่าที่ลูกค้า 300 คนได้ การสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าที่กลับมาซื้อซ้ำและการหาวิธีทำให้ลูกค้าเหล่านี้กลับไปบอกต่อคนที่รู้จักเกี่ยวกับบริษัทของคุณได้ นั่นเท่ากับคุณได้ขยายพนักงานขายของคุณออกไป โดยที่ไม่จำเป็นต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆเลย"

3.จงทำธุรกิจอย่างคงเส้นคงวาเพื่อสร้างฐานลูกค้าที่กลับมาซื้อซ้ำ

ถ้าหากมองเผินๆ การสร้างฐานลูกค้าที่กลับมาซื้อซ้ำอย่างยั่งยืนไม่น่าจะมีอะไรมากไปกว่าการให้บริการและผลิตภัณฑ์ชั้นยอดเท่านั้นเอง คำพูดดังกล่าวเป็นความจริง แต่ความเป็นเลิศไม่ใช่สิ่งที่ยั่งยืนเสมอไป การที่ลูกค้ากลับมาซ้ำอีกเนื่องจากพวกเขาได้รับประสบการณ์ที่เสมอต้นเสมอปลายมากกว่า Drew Stevens ผู้แต่งหนังสือชื่อ Gold Medal Customer Services บอกว่ามีบริษัทอยู่สามแห่งซึ่งถือเป็นตัวแทนของความเสมอต้นเสมอปลายได้

Starbuck's Coffee ("พวกเขามักจะจ้างพนักงานที่ร่าเริงและทุ่มเททำงาน ดังนั้นลูกค้าจึงไม่ว่าอะไรกับการจ่ายเงินซื้อกาแฟที่มีราคาแพงกว่า")
Southwest Airlines ("ลดค่าใช้จ่ายในการเดินทางโดยเครื่องบินจากการคิดค่าธรรมเนียมที่เสมอต้นเสมอปลาย")
McDonald ("ให้บริการที่รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพในทุกเมือง")
4.จ้างพนักงานที่เหมาะสม

การที่พนักงานของคุณก็คือคนที่ต้องเจอกับลูกค้าก่อน กริยาท่าทางและการโต้ตอบกับลูกค้าของพวกเขาจะเป็นตัวสร้างความสัมพันธ์ที่ทำให้ลูกค้ากลับมาใช้บริการซ้ำอีก

Lori Vest ที่ปรึกษาของบริษัท Troy กล่าวว่า "คนที่มีทัศนคติที่เป็นบวก เป็นมิตร และใส่ใจเกี่ยวกับการทำงานให้ดีที่สุดก็คือคนที่คุณควรเลือกใช้ พนักงานที่จำเป็นต้องติดต่อกับลูกค้าตั้งแต่รีเซฟชันไปจนถึงแผนกเก็บเงินจำเป็นต้องเข้าใจถึงความสำคัญของการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า"

5.รู้จักลูกค้าเป็นอย่างดี

การดึงลูกค้ากลับมาจะเป็นเรื่องยาก ถ้าหากคุณไม่ทราบคุณค่าของลูกค้า วิธีการอย่างหนึ่งที่จะทำเรื่องนี้อย่างมีประสิทธิภาพก็คือการใช้ซอฟต์แวร์บริหารความสัมพันธ์กับลูกค้า (customer relationship management -CRM) แม้แต่บริษัทขนาดเล็กที่เปิดกิจการภายในบ้านก็สามารถใช้ประโยชน์จากระบบ CRM ได้เช่นกัน อาทิเช่นการใช้คุณสมบัติต่างๆที่มีอยู่ในโปรแกรม Microsoft Office Small Business 2007 ที่มี Outlook กับ Business Contact Manager (BCM) ในตัวเป็นต้นู่

โปรแกรม BCM จะช่วยให้คุณคอยติดตามว่าที่ลูกค้า ลูกค้า และโอกาสในการขายได้ ส่วนบริษัทขนาดเล็กที่มีลูกค้าเป็นจำนวนมากจะได้ประโยชน์จากซอฟต์แวร์ที่มีประสิทธิภาพมากกว่า อาทิ Microsoft Dynamics CRM 3.0 ซึ่งจะช่วยให้คุณรวบรวม จัดเก็บ และวิเคราะห์ข้อมูลสำคัญของลูกค้าได้ เพื่อที่คุณจะได้ศึกษาประวัติในการซื้อและข้อมูลเกี่ยวกับการติดต่อ ซึ่งจะทำให้คุณทราบว่าลูกค้าต้องการหรือมองคุณค่าธุรกิจของคุณได้อย่างไรบ้าง

6.สร้างความสัมพันธ์ส่วนตัว

โดยคำนิยามแล้ว ลูกค้าที่กลับมาซ้ำก็คือคนที่คุณรู้จัก คุณต้องรักษาความสัมพันธ์ดังกล่าวให้มีความเป็นส่วนตัวให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ตัวอย่างเช่นการรู้จักชื่อของลูกค้า (เครื่องมืออย่าง BCM หรือ CRM จะมีประโยชน์มาก เนื่องจากคุณจะทราบประวัติการซื้อ และข้อมูลอื่นๆของลูกค้าได้ในทันที)

Vest กล่าวว่า "การสร้างความสัมพันธ์ส่วนตัวกับลูกค้าถือเป็นปัจจัยสร้างความเป็นต่อในการแข่งขันที่ดีที่สุด ทุกคนมักชอบที่เมื่อพวกเขาเดินเข้าไปในร้านกาแฟแล้วพนักงานเสิร์ฟจำชื่อและเครื่องดื่มโปรดของพวกเขาได้ทันที"

7.ติดต่อกับลูกค้าเสมอ

การกระตุ้นให้ลูกค้ากลับมาซ้ำทำได้โดยการติดต่อกับลูกค้าอยู่เสมอผ่านทางบล็อก จดหมายข่าว หรือช่องทางอื่นๆซึ่งรองรับการสื่อสารอย่างต่อเนื่องได้

Heather Ledeboer เจ้าของบริษัทขายเสื้อผ้าและสินค้าสำหรับผู้ปกครองและเด็กๆที่ชื่อ Mom 4 Life and Athol, ID กล่าวว่า "เราส่งจดหมายเขียนด้วยลายมือไปยังลูกค้าซึ่งมียอดสั่งซื้อสูงกว่าที่กำหนดและให้ส่วนลดในการซื้อสินค้าครั้งต่อไปด้วย นอกจากนั้นเรายังมีบล็อกที่มีคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญและมีการแจกรางวัลทุกสัปดาห์โดยใช้ระบบวิดีโอ You Tube ด้วย ลูกค้ารู้จักเราผ่านช่องทางดังกล่าวและความภักดีของพวกเขาก็เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ

วันศุกร์ที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2552

เกี๋ยวทอด

"ลิขิตฟ้า หรือจะสู้ มานะคน"



วันนี้ workdeena ได้เห็นอาชีพหนึ่ง ที่น่าทำเป็นอาชีพเสริมมากๆ นั้นคือ "เกี๊ยวทอด" workdeena เห็นเขาขายเพียงชิ้นละ 1 บาท ก็เลยนำต้นทุนมารองคำนวนดู สรุปได้ว่าได้กำไรพอสมควร เพียงแต่ว่าเขาทำเพียงไส้เดียวนั้นคือ ไส้ฮอดดอก แบบธรรมดา มันทำให้ลูกค้าไม่มีตัวเลือก และเป็นสินค้าที่ไม่หลากหลาย

ดังนั้น วันนี้จะสอนการทำไส้เกี๊ยวทอดที่หลากหลาย และสามารถขาย ได้ราคาเพิ่มมากขึ้นและได้กำไรมากขึ้นด้วย workdeena ต้องบอกอีกอย่างก่อนว่า ทุกสูตรในที่นี้ เป็นสูตรที่ทำได้จริง และ workdeena ได้ลองทำมาหมดแล้ว เพราะเราอยากให้ทุกคนได้สูตร เพื่อไปทำเป็นอาชีพจริงๆ


1. สูตรเกี๊ยวทอดแบบธรรมดา ที่ขายทั่วไป ชิ้นละ 1 บาท
เกี๊ยว สำหรับทอด 1 ห่อ ราคา 20 บาท
ฮอดดอก(แบบธรรมดา หรือฮอดดอกแดง) ใช้เพียง 12 แท่ง 1 แท่งหั่นเป็น 5 ชิ้น
วิธีทำ

คุณเพียงแค่นำเกี๊ยวมาห่อฮอดดอกที่เราหั่นเตรียมไว้แล้ว และลงทอด เมื่อทอดเสร็จก็ขายได้เลย ชิ้นละบาทเดียว
________________________________

2. สูตรนี้เป็นเกี๊ยวทอดปู ควรขายราคาชิ้นละ 2 บาท หรือจะขายมากว่านี้ก็ไม่ว่ากัน และสูตรนี้ยังสามารถทำเป็นเกี๊ยวนึ่งทานกันได้นะ
เกี๊ยว สำหรับทอด 1 ห่อ
ปูอัด(แบบธรรมดา) 10 แท่ง
หมูบดบนมัน 1/2 กิโล (ตลาดสดจะขายอยู่ที่โลละ 40 บาท ส่วนใหญ่เขาจะซื้อกันมาทำไส้ซาลาเปา)
แป้งมันหรือแป้งข้าวโพด 3 ช้อนกินข้าว
รากผักชี 1 ต้น
เกลือ, น้ำตาลทราย, พริกไทย, ซีอิ๊วขาว
วิธีทำ

ให้นำ ทุกอย่างมาปั่นรวมกัน (ยกเว้นแผ่นเกี๊ยวนะ ฮา...ฮา... เดี๋ยวงานเข้า) ปรุงรสให้ออกเค็ม-หวาน
เมื่อปั่นเสร็จแล้ว ให้ตีไส้ให้เนียว และใช้แผ่นเกี๊ยวห่อ แต่อย่าใส่ไส้มากนะ สูตรที่ให้นี้สามารถทำเกี๊ยวได้ 40 ลูกนะ
เมื่อเสร็จเรียบร้อยก็ลงทอดได้ พร้อมขายเลย
________________________________


3. สูตรนี้เป็นสูตรที่ได้มาจาก เซี่ยงไฮ้ เรียกว่า เกี๊ยวทอดเซี่ยงไฮ้ ควรขายลูกละ 3 บาท หรือจะขายมากว่านี้ก็ไม่ว่ากัน และสูตรนี้ยังสามารถทำเป็นเกี๊ยวนึ่งทานกันได้นะ

เกี๊ยว สำหรับทอด 1 ห่อ
หมูบดผสมมัน 1/2 กิโล
ผงพะโล้ 1 ซอง คั่วให้หอมก่อนนำไปใช้นะ
เม็ดผักชี 10 เม็ด
แป้งมัน หรือแป้งข้าวโพด 3 ช้อนกินข้าว
ซีอี๊วดำ 1 ช้อนชา
น้ำตาลปี๊บ 2 ช้อนกินข้าว
น้ำตาลทราย 1/2 ช้อนกินข้าว
เกลือ 2 ช้อนชา
พริกไทย นิดหน่อย
น้ำ 1 ถ้วยตวง
วิธีทำ

ให้นำ น้ำ, น้ำตาลทั้งสองอย่าง, เกลือ, พริกไทย, ซีอิ๊วดำ, เม็ดผักชี และผงพะโล้ที่คั่วหอมแล้ว ใส่รวมกันแล้วยกขึ้นตั้งไฟ คนให้พอน้ำตาลละลาย ห้ามเดือดนะ แล้วยกลง รอให้เย็น
เมื่อเสร็จเรียบร้อยแล้ว ให้นำหมูบดมาใส่ในน้ำที่เราทำเสร็จแล้ว แช่ให้ทั่วกัน แล้วนำเข้าตู้เย็น อย่าใส่ช่องแช่แข็งนะ ทิ้งไว้ประมาณ 6 ชั่วโมง
เมื่อครบแล้วให้นำออกมา แล้วเติมแป้งมันลงไป ขย้ำให้เหนียวและน้ำที่แช่หมูแห้ง ถ้าไม่แห้ก็เทน้ำออก แต่ส่วนใหญ่แล้วจะแห้ง เพราะหมูบดจะดูดน้ำหมด เตรียมห่อเป็นไส้เกี๊ยวได้เลย รสชาิติจะออกหวาน-เค็ม

- สูตรที่ให้ไปทั้งหมดนี้ สามารถห่อทำเกี๊ยวทอดได้ 40-45 แล้วแต่น้ำหนักมือในการตักของแต่ละคน และในเรื่องรสชาติและปริมาณก็สามารถปรับปรุงได้ตามความต้องการ ส่วนแผ่นเกี๊ยว บางร้าน 1 แผ่นเขาจะทำได้ 2 ลูก อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับคนห่อนะ แต่รับรองว่าอร่อยมากๆ แล้วเรื่องน้ำจิ้มเขาจะใช้น้ำจิ้มลูกชิ้น ก็ลองทำทานกันดูก่อน เมื่อทำอร่อยแล้ว ค่อยทำเป็นอาชีพเสริมนะ workdeena เป็นกำลังใจให้ทุกคน.

ข้าวเหนียวหมูปิ่ง สูตรทำเงิน

สูตรหมูปิ้ง...หมูย่าง..เป็นอีกอาชีพหนึ่งที่ทำเงินได้ดีมากๆ..เพื่อเป็นรายได้เสริม...

สูตรหมูปิ้งมีหลายสูตร ลองเลือกหาเอาตามใจชอบ แต่ขอบอกว่า ทุกสูตรใช้ขายได้จริง ๆ นะครับ แต่เคล็ดไม่ลับ ก็คือ ไฟในเตาที่จะต้องลุกแดงสม่ำเสมอ ที่สำคัญจะต้องให้มีควันขึ้นขโมง .. ถ้าอยากให้มีเสน่ห์มากขึ้น ก็ต้องมี น้ำจิ้มหลากรสครับ เช่น น้ำจิ้มแจ่วรสแซบ , น้ำจิ้มหวานไก่ มีผักสด พริกขี้หนูเป็นกับแกล้ม มีแหนมปิ้งด้วยยิ่งช่วยเพิ่มความหลากหลายนะครับ

นายแทม ขอแบ่งครึ่งชีวิตไปขายหมูปิ้งเป็นรายได้พิเศษกันตายก่อนนะครับ ภูมิใจ เด็กจุฬาฯ สถาบันดีสอนให้ชีวิตทำได้ทุกอย่าง ... ไม่ยึดติดกับแผ่นกระดาษและศักดิ์ศรีที่มากเกินไป

(ยามเย็นไปเป็นเด็กปั๊ม .. อาชีพเก่า 555+)

สูตรที่หนึ่ง หมูปิ้งปะทะนมสด รสกลมกล่อม หม่อมถนัดศรีพลีชีพ ลองลิ้มชิมรส หมดยกเตา

เครื่องปรุง
เนื้อหมู เอาติดมันก็ได้ หรือ เนื้อสันก็ดี 1 กิโลกรัม
ซีอิ้วดำ 1/2-1 ชต.
นมข้นจืด 3-4 ชต. หรือนมสด 1 ถ้วย
น้ำตาลปิ้บ 1/2 ถ้วย
น้ำตาลทรายนิดหน่อย
น้ำมันหอย นิดหน่อย
ซีอิ้วขาวเห็ดหอม 2-3 ชต
กระเทียม รากผักชี พริกไทย 2ชต.
น้ำมันมะกอก 2-3ชต.

ผสมกันเสร็จชิมดูก่อนว่ารสออกมาแบบไหน ถ้าชอบหวานชอบเค็มก็เต็มเพิ่มลงไป

วิธีทำ
ล้างหมูให้สะอาดแล้วแล่ อย่าบางมากคลุกเคล้ากับส่วนผสมแล้ว แช่ในตู้เย็นสัก 1-2 วันค่อยนำออกมาเสียบไม้ปิ้ง

หรือ

เจ้าของสูตรเดิมเขาเสียบไม้ไว้เลยแล้วแช่ฟิต 3 วัน ค่อยเอาออกมาปิ้ง แช่ฟิตจะทำให้หมูนุ่มมาก ๆ

เวลาปิ้งน้ำปรุงที่เหลืออย่าทิ้งนำน้ำกะทิมาผสม ตอนปิ้งก็ใช้น้ำปรุงนี้ทาลงไปที่หมูกำลังปิ้งเพื่อให้หยดลงไปถ่านกำลังร้อน ๆ จะได้มีควันหอม ๆ รมหมูด้วย


*******************************************************************

สูตรที่สอง หมูปิ้งรสชาววัง

เครื่องปรุง
1.หมูสันนอก 1 กิโลกรัม
2.น้ำมันหอย 1/2 ถ้วย
3.ซอสปรุงรส 1/2 ถ้วย
4.น้ำปลา 1/2 ถ้วย
5.น้ำตาลปี๊ป 300 g.
6.แป้งมัน 1/4 ถ้วย
7.น้ำมันพืช 1/2 ถ้วย
8.กระเทียม พริกไทย รากผักชี (ตามแต่ชอบครับ อันนี้แล้วแต่เลย ชอบมากก็ใส่มากหน่อย)

วิธีทำ
1. หั่นเนื้อหมูให้เป็นชิ้นบางๆพอคำนะครับ อันนี้ยิ่งบางเท่าไหร่เครื่องปรุงก็เข้าเนื้อมาก เวลาเสียบไม้ย่างได้ใช้เวลาไม่นาน แล้วเครื่องปรุงก็เข้าเนื้อได้ดีกว่าชิ้นใหญ่ๆอะครับ

2. นำกระเทียม พริกไทย รากผักชี โขลกรวมกัน และ ใส่เครื่องปรุงทั้งหมดลงไปในภาชนะที่เตรียมไว้ แล้วคนส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากันดี

3. นำเนื้อหมูที่หั่นไว้แล้วคลุกเคล้ากับเครื่องปรุง ใช้มือนวดเบาๆ แบบใจเย็นๆ ให้น้ำแห้งหมาดๆ (ใช้เวลาประมาณ 25 นาที)

4. นำหมูที่นวดเสร็จแล้ว แช่ตู้เย็นช่องฟรีซอย่างน้อย 3 ชั่วโมง เพื่อให้เครื่องปรุงเข้าในเนื้อและจะทำให้หมูนุ่มได้ที่

5. ครบกำหนดเวลา นำหมูมาเสียบไม้ ตามความยาว แล้วเรียงใส่กล่อง ให้สวยงาม แล้วนำเข้าช่องเย็นอีกที ก่อนนำมาปิ้งนะครับ


*******************************************************************

สูตรที่สาม หมูปิ้งรสดั้งเดิม

เครื่องปรุง
เนื้อหมู 600 กรัม
กระเทียมกลีบใหญ่ 5-6 กลีบ
พริกไทยเม็ด 1 ช้อนโต๊ะ
ซีอิ้วขาว 3 ช้อนโต๊ะ
ซอสปรุงรส 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลปี๊บ 3 ช้อนโต๊ะ
หัวกะทิ 1/3 ถ้วย

วิธีทำ
1. ล้างเนื้อหมูให้สะอาด ซับน้ำให้แห้งแล้วหั่นเป็นชิ้นขนาดประมาณ 2 นิ้ว หนาประมาณ 3 มิลลิเมตร

2. ปลอกเปลือกกระเทียม ล้างน้ำให้สะอาดแล้วหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ นำไปโขลกให้ละเอียดพร้อมพริกไทยเม็ด

3. นำกระเทียมพริกไทยที่โขลกได้ใส่ลงไปในเนื้อหมูที่หั่นไว้ เติมเครื่องปรุงต่างๆ และกะทิ 3 ช้อนโต๊ะลงไป คลุกเคล้าเครื่องปรุงต่างๆ ให้เข้ากันแล้วหมักไว้ประมาณ 3 ชั่วโมงหรือทิ้งไว้ข้ามคืน

4. เมื่อหมักได้ที่แล้ว นำเนื้อหมูที่ได้มาเสียบไม้ (ก่อนเสียบไม้ให้นำไม้ไปแช่น้ำไว้ก่อนประมาณ 30 นาที เพื่อช่วยไม่ให้ไม้ไหม้)

5. เริ่มต้นทำการปิ้งโดยวางหมูที่เสียบไม้เรียบร้อยแล้วลงบนตะแกรง นำหัวกะทิที่เหลือมาทาให้ทั่วทุกไม้


*******************************************************************

สูตรที่สี่ หมูปิ้งรสนมสดดั้งเดิม

เครื่องปรุง
1. เนื้อหมู 1 kg.
2. พริกไทยเม็ด 1 ช้อนชา
3. กระเทียมกลีบเล็กปลอกเปลือก ประมาณ 2 หัว
4. รากผักชี 5-6 ราก
5. เกลือป่น 1 ช้อนชา
6. นมข้นจืด 3 - 4 ช้อนโต๊ะ สำหรับหมัก 3 ช้อนโต๊ะ สำหรับย่าง
7. น้ำตาลปีบ 1/2 ถ้วย
8. น้ำตาลทราย 1/2 ช้อนโต๊ะ
9. ซีอิ้วดำ 1/2 - 1 ช้อนโต๊ะ
10. แป้งมัน หรือแป้งข้าวโพด 1 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ
1. หันหมูเป็นชิ้นและบางตามความค้องการ
2. นำกระเทียม รากผักชี พริกไทย มาตำละเอียด
3. นำเครื่องปรุงทั้งหมดมาคลุกเคล้ากับหมูเพื่อหมัก ประมาณ 1 - 2 ชม. ใส่ตู้เย็น แล้วนำหมูมาเสียบไม้
4. ย่างหมูครับ ไฟพอประมาณ เวลาย่างก็เอานมข้นจืดทาหมูด้วยนะครับ ใช้กะทิสดแทนก็ได้ถ้าไม่ใช้นม

*******************************************************************

สูตรที่ห้า หมูปิ้งรสนมสดรสกลมกล่อมเน้นเนื้อนุ่มเหนียว

เครื่องปรุง
สำหรับหมักหมู 1 กิโลกรัม
พริกไทยป่น 1 ช้อนชาตำรวมกับกระเทียมกลีบเล็ก ไม่ต้องปอกเปลือก 1 หัวโต ๆ
ซีอิ้วดำ 1/2 - 1 ช้อนโต๊ะ
เกลือป่น 1 ช้อนชา
นมข้นจืด 3 - 4 ช้อนโต๊ะ (อย่าใส่มากเกินไป เพราะหมูจะลื่นทำให้เสียบไม้ลำบาก)
น้ำตาลปีบ 1/2 ถ้วย และ น้ำตาลทรายนิดหน่อย พอให้ออกรสหวานปะแล่ม ๆ

วิธีทำ
แล่เนื้อหมูตามขนาดที่ต้องการ แล้วนำเครื่องหมักทั้งหมดลงผสม ขยำให้เข้ากันสักครู่แล้วนำไปเสียบไม้ เสร็จแล้วนำใส่ในกล่องมีปิดฝา เก็บในตู้เย็นในช่องแข็ง 2 - 3 วัน ก่อนนำมาปิ้งกับเตาถ่านให้สุก รับประทานกับข้าวเหนียวนึ่งร้อน ๆ






*******************************************************************

เก็บตกมาให้ครับ
- ถ้าจะให้สุดยอดยิ่งขึ้นควรจะใส่ซอสหอยนางรมไปบ้างเล็กน้อย ควรใช้ซอสหอยอย่างราคาไม่แพงเพราะว่ามีแป้งผสมอยู่บ้างแล้ว เหยาะผงกระหรี่พอเห็นด้วยหางตา เวลาปิ้งควรพรมน้ำหมักไปด้วยเล็กน้อยจะทำให้เกิดควันและกลิ่นซึ่งเป็นหัวใจของการขาย แต่อย่าให้ถึงขนาดมองหน้ากันไม่รู้เรื่อง ปิ้งกะว่าเกือบสุก เมื่อมีลูกค้าจีงค่อยปิ้งตอนจบ จะทำให้หมูปิ้งของคุณไม่แห้ง อวบอูมอิ่มเอิบน่ารับประทาน ใส่ถุงพลาสติกมัดให้แน่น ย้ำลูกค้าว่าอย่าเปิดจนกว่าจะทาน

- โขลกรากผักชี กระเทียม พริกไทย ( 3 อย่างนี้อย่าขี้เหนียวนะเพราะจะทำให้หอมมากครับ) หมักทิ้งไว้ไม่น้อยกว่า 2 ชม.เพื่อให้เครื่องปรุงซึมเข้าถึงเนื้อ แต่ถ้าคุณต้องการทำขายควรหมักทิ้งไว้ข้ามคืน

- ปกติจะหมักหมูที่หั่นแล้ว การหั่นมีหั่นสองแบบ แบบแรกคือใช้หมูสันนอกเนื้อจะแข็งไม่มีมัน แล่เป็นแผ่นเลยกับอีกแบบคือ ใช้หมูสันใน เนื้อจะแดงๆ ไม่เป็นแผ่นๆ มันแทรกนิดหน่อย หั่นชิ้นเล็กๆ ยาวๆ ไม่ต้องหนา

- เวลาหั่นเลือกหั่นตามขวาง ลายเส้นของหมู จะกัดง่ายขึ้น เวลาซื้อนี่เลือกติดมันหน่อยหนึ่ง

- การทำให้หมูนุ่มหลัก ๆ มีสี่สูตรครับ คือ

สูตรหมูนุ่มสูตรแรก ใส้แป้งมันหมัก กะ หมู ผลที่ได้ จะได้ นุ่มแบบ ดึ๊ง ๆ เหมือน หมู ใน ราดหน้า ร้านดัง ๆ

สูตรที่สอง หมักหมู กะ มะละกอดิบครับ ขยำ ๆ ทิ้งไว้ สองชม นิด ๆ เนื้อหมูที่ได้ จะ นุ่ม แบบ ยวบ ๆ ประมาณว่าแค่เอามีดลูบ ๆ ก้อขาด (อย่าหมักนานมากนะ เดี่ยว จะเละซะก่อน)

สูตรหมูนุ่มสูตรสาม คือ ใส่ Baking Soda แต่แหวะ ไม่อร่อยเท่าไหร่ มันจะนุ่มแบบไม่นุ่ม (งงปะ) แต่ตลาดทั่วไปชอบใช้สูตรนี้ เพราะมันประหยัดต้นทุนครับ

สูตรหมูนุ่มสูตรสี่ คือ ขยำมะม่วงหวานลงไป ในขั้นตอนสุดท้ายอย่ามาก แค่เอาสีกับกลิ่น สูตรนี้จะทำให้หมูของคุณแดงแบบส้ม ๆ ไม่เหมือนใช้มะละกอ และจะออกหวาน ๆ มัน ๆ แทนกลิ่นซี้อิ๊ว แต่ผมว่าแรก ๆ จะอร่อยนะ แต่นาน ๆ ไปมันจะไม่อร่อย เพราะมันจะติดลิ้นว่าหวาน แต่สูตรนี้กินกับน้ำจิ้มแจ่วอร่อยเหาะไปเลยครับ เพราะมันจะไปตัดกับเค็มของน้ำจิ้มแจ่ว ออกหวานแบบอร่อย ๆ

สุดท้าย ท้ายสุด
เนื้อหมูที่ใช้ ควรเป็นเนื้อสันส่วนขาหลัง ติดมันนิดหน่อย ถ้าเนื้อหมูที่ซื้อมาติดมันมากเกินไปก็ให้แล่เอามันออกทิ้งไปบ้าง เวลาแล่เนื้อหมูก็ต้องพยายามแล่ให้ได้ขนาดเสมอกันเพื่อความสวยงาม เวลาเสียบก็ต้องเสียบเนื้อหมูตามขวาง เนื้อหมูจะได้ดูหนา เวลากินจะไม่เหนียว และที่สำคัญจะต้องหมักหมูทิ้งไว้ในช่องฟรีซสัก 2 -3 วันถึงจะดี เวลาจะนำมาปิ้งก็เอาออกมาจากช่องฟรีซ แล้วทิ้งให้น้ำแข็งละลายก่อน เครื่องจะเข้าเนื้อและนุ่ม ถ้าหมักแล้วย่างเลยจะไม่อร่อย เวลาปิ้งจะไม่สวย เนื้อหมูก็จะติดตะแกรงด้วย

สูตรไหน ๆ ก็ทำเงินได้ครับ เอาที่คุณถนัดและคิดว่าทำรสออกมาได้กลมกล่อม แต่ถ้าถามผม ต้องสูตรที่หนึ่ง หมูปิ้งปะทะนมสด รสกลมกล่อม หม่อมถนัดศรีพลีชีพ ลองลิ้มชิมรส หมดยกเตา


กวาดเงินมาทั่วสารทิศ ด้วยพิษของความนุ่ม หอม อร่อย เค็มกำลังดี หวานนิด ๆ หอมกะทินมสด หน่อย ๆ กลั้วข้าวเหนียวนุ่ม ๆ ร้อน ๆ ในปาก .. โอ๊ย เงินไหลมา น้ำลายไหลไปค๊าบบบบ

ขอขอบคุณ http://www.pathongko.com/index.php?lay=boardshow&ac=webboard_show&Category=pathongkocom&thispage=1&No=336833



สูตรก๋วยเตี๋ยวไก่มะระ 2

น้ำซุป
ซี่โครงไก่ 5 โครง,กระดูกหมู (เอียวเล้ง,ขาตั่ง) เลือกเอา
กระเทียม,รากผักชี,พริกไทย โคลกละเอียด หรือไม่โครกก็ได้ ถ้าโคลกห่อด้วยผ้าขามบาง
เครื่องพะโล้,กระเทียมดองพร้อมน้ำ,เครื่องเทศพริกหอมป่น 1 ช้อนโต๊ะ,ข่า 5-6 แว่น,ซีอิ้วดำ,ซอสภูเขา แม๊กกี้ก็ได้,
เกลือ,ผงชูรส,คนอร์ก้อนหรือผงก็ได้,น้ำตาลกลวด,ใบเตย
ต้มน้ำให้เดือด ใส่ทุกอย่างลงไป พอเดือดหรี่ไฟปานกลางปรุงรสด้วย ซีอิ้วดำ,ซอสภูเขาทอง,เกลือ,คนอร์,กระเทียมดอง3-5 หัวพร้อมน้ำ 1ถ้วยตวง ,น้ำตาลกรวดไม้ต้องใส่มาก ใส่เพิ่มที่หลังได้ เพราะน้ำซุปต้องหวานน้ำต้มกระดูก, ทิ้งไว้ซักพักปิดฝาหม้อด้วย แล้วชิมรสน้ำซุปจะออกหวานน้ำต้มกระดูกไม่ใช่หวานน้ำตาลหรือน้ำกระเทียมดอง เวลาต้มน้ำซุปให้เอาไก่ที่เตรียมหั่นขายมาต้มด้วย น้ำจะเข้มข้น น้ำซุปตุ๋นประมาณ 1-2 ช.ม ก็ขายได้แล้ว บางเจ้าตุ่น1 ช.ม ก็ขายแต่ไม่ดีเพราะเขาหนักเครื่องเวลาน้ำงวดน้ำจะเค็มมากหรือไม่ก็หวานไปเลย แต่สูตรนี้เน้นตุ๋นเอาความอร่อยจากกระดูกทั้งหลาย สูตรสำหรับ 1 หม้อก๋วยเตี๋ยว อย่าไปซื้อหนังสือมาอ่าน เพราะทำตามหนังสือเลา ไมสามารถนำไปขายได้ นาไม่หอมแถมไม่อร่อยอีกต่างหาก เคล็ดรับก๋วยเตี๋ยวที่อร่อยจะอร่อยที่น้ำซุปอย่าหวงกระดูกใส่มากก็อร่อยมากแต่อย่าให้ล้นหม้อ หมูต๋นจะใช้เน้อช่วงขั่วตับ ตุ๋น 1-1.30 ช.ม เท่านั้น เพิ่มยาจีนเล็กน้อยอย่าใส่มากรสชาติจะปล่าลิ้น

อุปกรณ์สำหรับเปิดร้านก๋วยเตี๋ยว

ลำดับ รายการ ขนาด/จำนวน

1. รถเข็นขนาดกลาง 80 x 160 ซม.
2. ป้ายติดรถ 3 แผ่น(ด้านหน้า1แผ่น และด้านข้าง 2 แผ่น)
3. หม้อเบอร์ 16 สามช่อง 1 ใบ
4. ตู้กระจก 1 ใบ
5. เตาแก็สครบชุดไม่รวมถัง 1 ชุด
6. ชั้นวางชาม ขนาด 60 ใบ
7. ชามเบอร์ 8 60 ใบ
8. ตะกร้อลวกเส้น 1 อัน
9. กรวยกรอกก๋วยเตี๋ยวใหญ่ 1 อัน
10. ช้อนสั้น 5 โหล
11. ตะเกียบ 60 คู่
12. กระบวยตักน้ำ 1 อัน
13. พวงเครื่องปรุง 2 ชุด
14. แก้วใส่พวงเครื่องปรุง 2 ชุด
15. กระติกน้ำ ขนาด 15 นิ้ว 1 ใบ
16. โต๊ะพร้อมเก้าอี้ 2 ชุด โต๊ะ 2 ตัว,เก้าอี้ 8 ตัว
17. แก้วน้ำดื่ม 1 โหล
18. กล่องใส่ตะเกียบ 2 ชุด

ทำนายนิสัยจากอาหารประเภท เส้น ที่คุณชื่นชอบ

ว่ากันว่าอาหารประเภทเส้นทั้งหลาย
มีอยู่ในโลกนับร้อยเมนู
แต่ละประเภทก็โดดเด่นแตกต่างกันไป ทั้งไทย จีน
ฝรั่ง..... ทุกครั้งที่นั่งทานอาหารประเภทเส้น ๆ
คุณจะเลือกสั่งเส้นอะไร
เรามีเรื่องเล่าจากการทานเส้นมาฝากกันจ๊า

เส้นใหญ่ : คุณเป็นคนหนักแน่น ทำอะไรทำจริงแบบ ไม่ดี
ไม่ได้ ไม่เลิก แต่เป็นคนอ่อนไหว
อะไรที่มากระทบกับความรู้สึก จะครุ่นคิด วิเคราะห์
หาที่มาบางครั้งทำให้เครียด ไม่ค่อยพูด ตรึกตรอง ทบทวน
รักเพื่อน รักฝูง ขอบช่วยเหลือแก้ปัญหาให้คนอื่น

เส็นเล็ก : คุณเป็นคนรวยอารมณ์ขัน รวยเพื่อน รวยมุขฮา
เป็นศูนย์รวมเพื่อน คุณไม่ชอบคิดเล็กคิดน้อย
แม้ปัญหาหนัก ๆ คุณก็ยังยิ้มรับมันได้
แต่ค่อนข้างขาดความเชื่อมั่นในตัวเอง
ในบางครั้งไม่กล้าชนปัญหา แต่ยิ้มกับปัญหา
ค่อยข้างเข้าชู้ เสน่ห์แรงพอตัว รักเพื่อนมาก
บางครั้งอาจลืมคนใกล้ตัวไปบ้าง

เส้นหมี่ : คุณเป็นคนเก็บตัว แต่เรียนเก่งชะมัด ใฝ่รู้
ชอบอ่านชอบค้นคว้า ชนิดหนอนหนังสือยังอาย
ร้านหนังสือตามห้างมันได้เงินจากคุณอย่างสม่ำเสมอ
โรแมนติกอยู่คู่กับคุณ คุณเป็นคนปราณีตกับแฟน
เอาใจใส่ทุกกระเบียด แต่แฟนของคุณอย่าลืมวันเกิดเชียว
คุณจะงอนบึ้งตึงและไม่พูด กว่าแฟนคุณจะเดาอาการคุณออก
คุณก็งอนเรื่องใหม่ซะแล้วสิ

เส้นบะหมี่ : คุณเป็นคนโลดโผนผจญภัย น้ำตก ภูเขา
ทะเลที่ว่าไกลแสนไกล คุณไปเหยียบมาหมดแล้ว
คุณไม่ค่อยโรแมนติก หากมีแฟน แฟนของคุณต้องเข้าใจคุณมาก
ๆ คุณมักมุ่งไปข้างหบ้า ไม่มองข้างหลัง มีความฝัน ค้นหา
ท้าทาย แต่ไม่ชอบวางแผนชีวิต
คุณเป็นคนรักของครอบครัวและเพื่อนฝูง ใจดี
แต่มักไม่ประสบผลสำเร็จในชีวิตคู่

เส้นยำยำ : คุณเป็นคนถือตัวชะมัด ไม่ชอบง้อใคร
ไม่ชอบขอใคร พึ่งพาตนเอง
ไม่มีใครรู้สถานะที่แท้จริงของคุณหรอก รักเสียงเพลง
ละเมียดละไมพอประมาณ เป็นคนฟุ่มเฟือย แต่ทำงานเก่ง
การเรียนไม่เท่าไหร่ กิจกรรมเด่น แต่ออกจะเจ้าอารมณ์
บางครั้งพาลไม่มีเหตุผลเอาดื้อ ๆ

เส้นขนมจีน : เขาว่าคุณเป็นคนขี้เหนียว
แต่คุณบอกเพื่อนว่าคุณถูกสอนให้รู้จักใช้เงินคุณ
ไม่ชอบซื้อของพร่ำเพรื่อ แต่คุณชอบซื้อของดี แพงไม่ว่า
ถ้าถูกใจคุณ คุณสามารถเททั้งกระเป๋าแบบไม่สนใจใคร
คุณขึ้รำคาญคน ชอบช่วยเหลือสังคม อาชีพ ส.ส.
น่าจะเหมาะกับคุณ คุณเป็นคนช่างเลือก แฟนต้องดูดีเสมอ
ถ้าไฮโซยิ่งดี มีสีหน่อยคุณจะภูมิใจมาก
คุยทั้งวันไม่หยุด

เส้นสปาเก็ตตี้ : คุณเป็นคนดุ น่าจะเป็นครูปกครอง
หรือเป็นตำรวจสายปราบปราม ทำงานด้านกฎหมายยิ่งเพอร์เฟ็ค
ใครอย่ามาเอาเปรียบคุณเชียว
คุณเอาเรื่องไม่เลิกแต่คุณไม่ชอบก้ายก่ายใคร
ไม่ชอบการเมือง ส่วนตัวคุณเป็นคนโอบอ้อมอารี ใจดี
แต่ไม่แสดงออก เวลาน้ำท่วมไฟไหม้ที่ไหน ไปดูสิ
มีของที่คุณนำไปบริจาคเพียบ แต่คุณไม่ติดชื่อคุณหรอก

ที่มา fwdmail

วันพฤหัสบดีที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2552

ก๋วยเตี๋ยวไก่มะระ สูตรเตาถ่าน

ก๋วยเตี๋ยวไก่ตุ๋นมะระ’ ‘สูตรเตาถ่าน’ถึงรส ถึงเครื่อง

ก๋วยเตี๋ยวไก่ตุ๋นมะระ สูตรเตาถ่าน ถึงรส ถึงเครื่อง

อาหารประเภทก๋วยเตี๋ยว ปัจจุบันมีขายมากมายหลายแบบหลายสูตร
มีทั้งสูตรดั้งเดิม และสูตรปรับปรุงดัดแปลงสร้างจุดขาย
อย่างไรก็ตาม กับ “ก๋วยเตี๋ยวไก่ตุ๋นมะระ” ก็ยังคงเป็น หนึ่งในก๋วยเตี๋ยว ที่ได้รับความนิยมเสมอมา
และวันนี้ทีม “ช่องทางทำกิน” ก็มีสูตรก๋วยเตี๋ยวไก่ตุ๋นมะระสูตรหนึ่งมานำเสนอ...

ปวน – สุวนันท์ กองแก้ม เป็นแม่ค้าก๋วยเตี๋ยวไก่ตุ๋นมะระ สูตรพิสดาร เจ้าตัวเล่าว่า เป็นคนจังหวัดมหาสารคาม
แต่เข้ากรุงเทพฯมานานกว่า 10 ปี เดิมยึดอาชีพขายข้าวแกง และเปิดร้านขายของชำ ก่อนที่จะเปลี่ยนมา
ขายก๋วยเตี๋ยวไก่ตุ๋นมะระได้ประมาณ 1 ปี โดยตระเวนเข็นรถขายไปเรื่อย ๆ ในละแวกถนนข้าวสาร และย่านหลัง
วัดชนะสงคราม ซึ่งก็เป็นอาชีพที่พอเลี้ยงตัว และครอบครัวได้

สูตรก๋วยเตี๋ยวไก่ตุ๋นมะระ ที่ว่าเป็นสูตรพิสดาร เจ้าตัวบอกว่า ไม่ได้เอาจากใครมา อาศัยจากที่เคยข้าวแกงมาก่อน
จึงพอมีฝีมือ และที่จริงที่ว่าพิสดารก็ไม่ได้มีอะไรมาก เพียงแต่การปรุงก๋วยเตี๋ยวทุกขั้นตอนจะใช้เตาถ่าน
ไม่ใช้เตาแก๊ส ซึ่งเตาถ่านจะได้รสชาติที่ดีกว่า

ก๋วยเตี๋ยวไก่ตุ๋นมะระ สูตรเตาถ่าน ถึงรส ถึงเครื่อง

“และลงทุนสูงหน่อย เพราะใช้ของดี ส่วนการปรุงรสชาติก็ไม่หวงเครื่อง ขายของต้องไม่หวงเครื่อง
ซึ่งก็จะได้ลูกค้าทั้งประจำ และขาจร” แม่ค้าก๋วยเตี๋ยวไก่ตุ๋นมะระรายนี้ ระบุ

ร้านขายก๋วยเตี๋ยวของปวน สุวนันท์ก็จัดร้านเหมือนร้านรถเข็นขายก๋วยเตี๋ยวปกติทั่วไป
คือมีตู้ก๋วยเตี๋ยวใส่เส้นก๋วยเตี๋ยว ทั้งเส้นเล็ก บะหมี่ วุ้นเส้น บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป และใส่เนื้อไก่ฉีก ปีกไก่ตุ๋น
น่องไก่ตุ๋นน่องใหญ่ และตับไก่ ส่วนถ้าเป็นน่องไก่เล็ก และเท้าไก่ตุ๋น ก็ใส่หม้อสแตนเลสไว้ต่างหาก

ของสด ประเภทไก่ และผักต่าง ๆ จะทำขายสำหรับ 2 รถเข็น ซึ่งปวนขายกับแฟนคนละ 1 คัน
โดยส่วนขา (ปีก ,น่อง และเท้าไก่) ใช้วันละ 10 กก., เนื้อไก่ 4 ตัว, ตับไก่ 1 กก. และเลือดไก่ใช้วันละ 15 ก้อน
แต่การตุ๋น ก็จะตุ๋นแบ่งอย่างละครึ่ง คือตุ๋นคันใครคันมันนั่นเอง

ส่วนปีก, น่อง และเท้านั้น หลังจากทำความสะอาดเสร็จแล้ว จะตุ๋นในหม้อก๋วยเตี๋ยว คือใช้น้ำครึ่งหม้อ,
ซอสปรุงรส 1 ขวด, น้ำกระเทียมดอง 2 ขวด , เครื่องตุ๋นยาจีน (เครื่องพะโล้) 50 บาท ,น้ำตาลกรวด ,
และผงปรุงรสรสไก่ ซึ่งการตุ๋นด้วยเตาถ่านใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงก็ใช้ได้

นำปีก น่อง และเท้าที่ตุ๋นเสร็จแล้ว ขึ้นมาพัก ใส่หม้อสแตนเลสเตรียมขาย
ส่วนเนื้อไก่ที่เป็นไก่ตัวนั้น จะต้มในหม้อน้ำซุปก๋วยเตี๋ยวให้สุก
ซึ่งน้ำซุปก๋วยเตี๋ยวนั้น ใช้น้ำที่เหลือจากการตุ๋นไก่ในหม้อก๋วยเตี๋ยว จากนั้นใส่น้ำเพิ่มลงอีกพอประมาณ
ปรุงรสเพิ่มเติมให้ได้รสชาติที่พอใจ คือออกเค็มหวาน
ใส่ซี่โครงหมู 3 กก. และหัวไชเท้าหั่น 5 กก. ลงไปต้มให้รสชาติออกหวาน

ใส่ไก่ลงไปต้มให้สุก เมื่อสุกแล้วก็นำขึ้นมาฉีกเนื้อออกเป็นเส้น ๆ ส่วนเลือดไก่ และตับไก่นั้นล้างให้สะอาด
ต้มให้สุก และทาด้วยเกลือ (เฉพาะเลือด) ตับไก่ต้มสุกแล้วแยกออกมาต่างหาก
ส่วนเลือดนั้น เมื่อต้มสุกแล้วก็หั่นเป็นชิ้น ๆ แล้วใส่ลงไปในหม้อน้ำซุปก๋วยเตี๋ยวเลย

ก๋วยเตี๋ยวไก่ตุ๋นมะระ สูตรเตาถ่าน ถึงรส ถึงเครื่อง

สำหรับมะระ ซึ่งจะใช้วันละ 7 กก. จะหั่นเป็นชิ้น ๆ เวลาขายก็ค่อย ๆ ทยอยใส่ลงในหม้อก๋วยเตี๋ยวเรื่อย
หรือจะแบ่งไว้ให้ลูกค้าที่ชอบทานมะระแบบสด ๆ ด้วยก็ได้

เวลาจะขายก็ลวกถั่วงอก และคะน้าให้สุก และลวกเส้นก๋วยเตี๋ยวต่อ จากนั้นใส่ปีกไก่ น่องไก่เล็ก ตับไก่
และเนื้อไก่ฉีก ราดน้ำซุปซึ่งมีหัวไชเท้า ซี่โครงหมูหั่น และมะระต้มสุก (หรือมะระดิบ) ลงไปให้ดูน่าทาน
ปรุงรสด้วยพริกไทย น้ำตาลทราย โรยหน้าด้วยกระเทียมเจียว ต้นหอม ผักชีฝรั่งซอยเป็น ขั้นตอนสุดท้าย

เครื่องปรุงรสที่ต้องเตรียมให้ลูกค้า
ก็มีน้ำปลา, ซีอิ๊ว, พริกป่น, น้ำตาลทราย, พริกแห้งตำผัดกับน้ำพริกเผา (ให้รสชาติที่เผ็ดกว่าพริกป่นธรรมดา),
พริกน้ำส้ม, ถั่วป่น,ใบโหระพา ,และแคบหมู (สำหรับขายต่างหาก)

ก๋วยเตี๋ยวไก่ตุ๋นมะระเจ้านี้ขายในราคาชามละ 30 บาท หากลงทุน 4,000 บาท แล้วขายหมด
ก็จะมีรายได้ก่อนหักทุนและค่าเหนื่อย ราว 5,500 บาท ซึ่งกำไรมาก เพราะต้นทุนค่อนข้างสูง แต่ก็พออยู่ได้

“ก๋วยเตี๋ยวไก่ตุ๋นมะระ” มีลูกค้านิยมทานไม่น้อย ส่วนร้านรถเข็นสูตรพิสดารของ ปวน – สุวนันท์
จะเข็นขายไปเรื่อย ๆ ในละแวกถนนข้าวสารและย่านหลังวัดชนะสงครามอย่างที่บอกแต่ต้น
ใครสนใจจะชิมก็ลองไปตามหากันดู
หรือจะติดต่อไปออกงานออกร้านที่ไหนก็ลองสอบถามไปที่ โทร.08-1564-5113

คู่มือลงทุน...ก๋วยเตี๋ยวไก่ตุ๋นมะระ
ทุนอุปกรณ์ ร้านรถเข็น ราว 10,000 บาท
ทุนวัตถุดิบ ราว 70% ของยอดขายรวม
รายได้ ธรรมดา ชามละ 30 บาท
แรงงาน 1 คน
ตลาด ย่านชุมชนที่มีคนพลุกพล่าน
จุดน่าสนใจ ไม่มีทำเล-ทุนทำร้าน ก็ขายได้

ที่มา เดลินิวส์

www.bloggang.com/mainblog.php?id=anotherside&month=15-06-2009&group=22&gblog=10

ก๋วยเตี๋ยวไก่มะระ

เครื่องปรุง

-ไก่ 1 ตัว

-มะระ 1 ลูก (หรือครึ่งลูก ถ้าใหญ่มาก) ฝานเป็นแว่นๆค่ะ

-หอมหัวใหญ่ 1 หัว หั่นชิ้นใหญ่ๆ

-หัวไชท้าว 1 หัว (ถ้าไม่มีใช้แครอทแทนได้เลยค่ะ) ฝานเป็นแว่นๆ ชิ้นใหญ่ๆ

-เกลือป่น 1 ช้อนชา

-ดอกจันทร์ 2 ดอก, โป๊ยกั๊ก 2 แท่ง

-เม็ดพริกไทยดำ 2 ช้อนชา, คนอร์ไก่ 1 ก้อน

-นำมันหอย 2 ชต, ซีอิ๊วขาว 2 ชต., ซีอิ๊วดำ 2 ชช.

-รากผักชี 3 ราก (ไม่มีก็ไม่ต้องใส่ หรือใส่ลูกผักชี 1 ชช.แทนค่ะ)

-นำตาลปึก 1 ก้อน (อ้อมไม่มีเลยใช้นำตาลกรวด rock sugar 1/4 ถ้วยแทนค่ะ)

- เส้นก๋วยเตี๋ยว เส้นใหญ่ เล็ก บะหมี่ ตามชอบค่ะ

- ผักถั่วงอก และผักกาด ใครชอบโหระพาและหาได้ ใส่ไปด้วยก็หอมดีค่ะ

- ผักชี ต้นหอมซอย

- กระเทียมเจียว นำส้ม พริกป่น

gaimara.jpg picture by aomzaa

วิธีทำ

- เอาไก่ไปล้างนำให้สะอาดเลยค่ะ

- เลือกหม้อที่สามารถใส่ไก่ได้ทั้งตัว ใส่น้ำเปล่าไปให้เกินครึ่งหม้อมานิดนึงค่ะ กะให้พอท่วมไก่

- เอาเครื่องปรุงทุกอย่างใส่ลงไปยกเว้นมะระ ยกขึ้นตั้งเตาใช้ไฟแรง ต้มจนเดือดค่ะ

- พอเดือดก็ใส่ไก่ลงไปทั้งตัวค่ะ ถ้าน้ำน้อยไป เติมอีกได้ค่ะเอาให้ท่วมไก่

-ตั้งไฟให้เดือดอีกครั้ง จากนั้นหรี่เป็นไฟอ่อนสุด ปิดฝาหม้อต้มจนไก่สุก

gaimara1.jpg picture by aomzaa

- ขณะที่รอไก่ก็มาจัดการกับมะระเผื่อไม่ให้ขม โดยการเอามะระไปผัดกับน้ำมันค่ะ

- ใช้ไฟปานกลางถึงอ่อน อย่าใจร้อนเด็ดขาด ไม่งั้นได้มะระขมแน่ๆค่ะ ต้องใจเย็นนิดนึงค่ะ

- ค่อยๆผัดไปจนกว่ามะระจะออกไหม้ สีน้ำตาลๆดั่งรูปด้านล่าง จะใช้เวลานิดนึงค่ะ

gaimara2.jpg picture by aomzaa

- เมื่อมะระเป็นสีน้ำตาลแล้วก็เทใส่หม้อไปตุ๋นรวมกับไก่ในหม้อเลยค่ะ ต้มต่อไปอีกอย่างน้อย 1-2 ชม.เลยค่ะ

- ไก่จะเนื้อนุ่ม และมะระจะไม่ขม สำคัญต้องใช้ไฟอ่อนนะคะ ถ้าไฟแรงมะระขมเลยค่ะ

gaimara3.jpg picture by aomzaa

- ขณะรอน้ำซุปก็มาเตรียมเครื่องปรุงกันค่ะ ก็จะเป็นพริกน้ำส้ม พริกป่น กระเทียมเจียว ต้นหอมผักชี ตั้งฉ่ายแห้ง(ชื่อนี้รึป่าว ไม่แน่ใจค่ะ)

- ผักกาดหอม และถั่วงอก

gaimara4.jpg picture by aomzaa

- พอไก่ได้ที่ สุกและนุ่มแล้ว ให้ลองชิมน้ำซุปดูนะคะว่าขาดอะไรมั้ย ถูกใจเราหรือยัง

- ถ้ายังก็ปรุงโดยใช้ น้ำตาล เกลือ ซีอิ๊วขาว จนกว่าจะได้รสที่เราต้องการ

- แล้วก็จัดการเอาไก่ขึ้นมาจากน้ำซุป โดยเอาที่คีบ คีบไก่ขึ้นมาจากหม้อเลยค่ะ แล้วก็ตัดส่วนน่องเป็นชิ้นๆ ส่วนอื่นๆก็ทำเป็นไก่ฉีก จะฉีกเยอะฉีกน้อย ตัดน่องไหน ปีกไหนก็ตามสะดวกคนทำเลยค่ะ

- ลวกเส้น ลวกผักคลุกน้ำมันเตรียมไว้เลยค่ะ วันนี้ของอ้อมเส้นเล็ก มาร์ตินเส้นบะหมี่

gaimara5.jpg picture by aomzaa